สำหรับท่านที่สนใจจะย้ายมาอยู่อเมริกาและทำธุรกิจ การซื้อกิจการหรือเซ้งกิจการต่อจากเจ้าของเดิมก็เป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง เนื่องจากท่านสามารถตรวจสอบประวัติเรื่องรายได้ของธุรกิจจากคนขายได้เลยและไม่ต้องใช้เวลานานในการหาทำเล ซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ที่จำเป็นและตกแต่งร้านเหมือนในเคส start-up และท่านสามารถหาธุรกิจหลายๆประเภทที่ท่านสนใจเพื่อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของแต่ละทางเลือกก่อนที่จะตัดสินใจซื้อกิจการ
ปัจจัยที่ท่านควรจะพิจารณาก่อนจะตัดสินใจซื้อกิจการ ที่สามารถไปยื่นขอวีซ่านักลงทุน E2 มีดังนี้
1. ธุรกิจดังกล่าวมีการจ้างพนักงานหรือไม่ และธุรกิจดังกล่าวมีโอกาสจะเติบโตและจ้างพนักงานมากขึ้นในอนาคตหรือไม่
สิ่งสำคัญที่สถานฑูตหรืออิมมิเกรชั่นพิจารณาก่อนที่จะอนุมัติวีซ่าหรือสถานะนักลงทุนให้ คือดูว่าธุรกิจมีการจ้างพนักงานกี่ท่าน และธุรกิจนี้มีโอกาสที่จะสร้างงานให้กับคนอเมริกันมากน้อยแค่ไหน หากธุรกิจที่ท่านสนใจจะซื้อไม่มีการจ้างพนักงานเต็มเวลาเลย โอกาสที่จะได้วีซ่าก็จะลดลง เนื่องจากสถานฑูตหรืออิมมิเกรชั่นจะมองว่าธุรกิจดังกล่าวเป็นธุรกิจขนาดเล็กจนเกินไปและไม่ได้สร้างรายได้ให้กับเศรษฐกิจอเมริกามากเท่าที่ควร ยกตัวอย่างเช่น หากท่านสนใจจะซื้อธุรกิจขนาดเล็กที่เปิดมานานแล้วกว่าสิบปี แต่ไม่มีประวัติการจ้างพนักงานเลยตลอดระยะเวลาสิบปี เคสนี้จะมีโอกาสในการได้วีซ่าลดน้อยลง ยกเว้นมีการเสนอแผนทางธุรกิจที่ชัดเจนต่อสถานฑูตหรืออิมมิเกรชั่นว่าจะมีการจ้างพนักงานทันทีที่วีซ่าอนุมัติ
2. ธุรกิจดังกล่าวมีกำไรมากน้อยแค่ไหน
หลายๆท่านอาจจะสนใจซื้อธุรกิจที่คนขายตั้งราคาไว้ไม่สูงมาก เพราะเล็งเห็นว่าสามารถปรับปรุงสถานที่ และทำแผนการตลาดใหม่เพื่อดึงดูดลูกค้าได้ ทั้งนี้ก่อนจะตัดสินใจซื้อควรจะดูเอกสารทางการเงินและเอกสารภาษีของคนขายก่อนเพื่อดูว่าธุรกิจดังกล่าวมีโอกาสเติบโตขึ้นมากน้อยแค่ไหน เพื่อที่ท่านจะได้สามารถวางแผนและเสนอแผนทางธุรกิจที่มีผลกำไรต่อสถานฑูตหรืออิมมิเกรชั่นได้ เอกสารเหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดว่าคุณสามารถบริหารธุรกิจดังกล่าวให้มีผลกำไรได้หลังจากการเซ้งกิจการแล้ว
3. การซื้อขายธุรกิจต้องเสร็จสิ้นแล้วท่านถึงจะไปขอวีซ่านักลงทุนได้ ท่านผู้อ่านหลายๆท่านจึงสงสัยว่าถ้าหากจ่ายเงินซื้อธุรกิจไปแล้วสุดท้ายหากวีซ่าไม่ผ่านจะทำอย่างไร
วิธีหนึ่งที่คู่สัญญาบางคู่ใช้คือ การใช้บริการ Escrow account ซึ่งเป็นการนำเงินลงทุน (เงินที่จะใช้ซื้อกิจการ) โอนเข้าไปในบัญชีของบริษัท Escrow โดยกำหนดเงื่อนไขใน Escrow Agreement ให้ release เงินดังกล่าวไปยังผู้ขายก็ต่อเมื่อวีซ่านักลงทุนผ่านแล้ว ทันทีที่วีซ่าผ่าน บริษัท Escrow ก็จะโอนเงินไปยังบัญชีผู้ขาย ถ้าหากวีซ่าไม่ผ่าน เงินก็จะถูกโอนกลับไปยังบัญชีนักลงทุน ทั้งนี้ลูกค้าต้องเจรจากับผู้ขายก่อนว่าจะใช้บริการ Escrow หรือไม่และผู้ขายยอมรับเงื่อนไขดังกล่าวได้หรือไม่ เพราะว่าคนขายหลายๆท่านอาจจะมองว่าเป็นการเสียโอกาสที่จะไปขายคนซื้อท่านอื่น จึงต้องมีการเจรจากันก่อนให้ชัดเจน
ทั้งนี้ เคสที่มีทนายทางด้านอิมมิเกรชั่นช่วยแนะนำเรื่องแหล่งที่มาของเงินลงทุน การโอนเงิน การซื้อขาย และการจัดเตรียมเอกสารที่ถูกต้องตั้งแต่แรก มักจะมีโอกาสได้วีซ่านักลงทุนสูงมากหากเอกสารครบถ้วน