ด้านล่างเป็นแนวทางการเปลี่ยนแปลง ที่จะเกิดขึ้นกับโปรแกรม EB5 รายการด้านล่างเป็นแค่แนวโน้มที่อาจจะเกิดขึ้นแต่อิมมิเกรชั่นยังไม่ได้มีการออกมาประกาศอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด แต่ถ้าหากต้องการที่จะเริ่มทำ EB5 คุณอาจจะต้องการเริ่มเรื่องตั้งแต่ตอนนี้เพื่อใช้กฎเดิมที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่
มีการเสนอให้คงโปรแกรม EB5 ไว้จนวันที่ September 30, 2020 และให้มีการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้
- เพิ่มจำนวนเงินลงทุนเป็น $800,000 สำหรับโครงการ TEAs (Targeted Employment Area) และเป็น $1.2 million สำหรับโครงการ Non-TEAs (Non- Targeted Employment Area)
- ให้อำนาจอิมมิเกรชั่นในการสั่งปิด regional centers ที่มีการกระทำที่ผิดกฎหมาย
- ตรวจสอบประวัติของผู้บริหาร regional centers หรือ project developer ก่อนจะรับรองศูนย์ดังกล่าว
- ให้อำนาจอิมมิเกรชั่นในการตรวจสอบแหล่งที่มาของเงินลงทุน เช่น
- ให้ตรวจเอกสารเกี่ยวกับการเสียภาษีย้อนหลังเจ็ดปี
- เงินที่ได้มาจากการให้ ต้องเป็นการให้จากคู่สมรส พ่อแม่ ลูก พี่น้อง หรือปู่ย่าตายาย เท่านั้น
- เงินส่วนที่ใช้จ่ายค่าดำเนินการของ regional centers หรือที่เรียกว่า administrative fees ต้องมีแหล่งที่มาที่ถูกต้อง
- เงินกู้ที่นำมาลงทุนต้องเป็นการกู้จากธนาคารหรือสถาบันการเงินเท่านั้น
- นักลงทุนต้องพิสูจน์ว่าการลงทุนนั้นเป็นการสร้างงานโดยตรง หรือโดยทางอ้อม
- นักลงทุนที่ลงทุนในบริษัทเอกชนที่อยู่ในเครือของ regional center สามารถใช้ตัวเลขการจ้างงานที่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นจากการลงทุนได้เพื่อยื่นขอวีซ่า
- กฎจะเปลี่ยนแปลงการยื่นตัวอย่างฟอร์ม I-526 และฟอร์ม I-829 คือ
- ต้องมีการยื่นตัวอย่างฟอร์มและการอนุมัติโปรเจคล่วงหน้า
- ระยะเวลาในการพิจารณเรื่องคือ 120 วัน แต่สามารถขอพิจารณาแบบด่วนได้โดยเสียค่ายื่นเรื่องเพิ่ม
- นอกจากนี้ จะจัดให้มีโปรแกรม “EB-5 Integrity Fund” ที่ให้ Regional Centers จ่ายเงินประจำปีให้แก่อิมมิเกรชั่นเพื่อใช้ตรวจสอบการดำเนินงานของ Regional Centers ว่าถูกต้องตามกฎหมาย
สำหรับคนที่กำลังมองว่าจะยื่นวีซ่า Eb5 สำนักงานเราแนะนำให้ยื่นในขณะที่กฎหมายเดิมยังมีผลบังคับใช้อยู่เนื่องจากกฎปัจจุบันมีเงื่อนไขที่ต่ำกว่ากฎที่อาจจะเปลี่ยนแปลงในอนาคต